วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559

หลุมสิว รักษาอย่างไรดี


    ในเรื่องความสวยงามแล้ว  สาว ๆ คงไม่มีใครที่อยากจะเป็นสิวแน่ ๆ แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงได้ยาก  เพราะเกิดจากหลายปัจจัยมาก ๆ แถมเมื่อเป็นแล้ว บางครั้งอาจทิ้งหลุมสิวไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย  คราวนี้เราลองมาดูรายละเอียดกันนะคะว่า  จริง ๆ แล้วหลุมสิว คืออะไร  เกิดจากอะไร และจะรักษาได้อย่างไรบ้าง

    หลุมสิวคือ การเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงใต้ผิวหนังที่ชั้นหนังแท้ ซึ่งปกติแล้วจะมีหนองเกิดขึ้นด้วย ทำให้คอลลาเจนบริเวณนั้นถูกทำลาย ซึ่งโดยปกติแล้วคอลลาเจนนั้นเป็นตัวที่ช่วยเสริมสร้างตลอดจนซ่อมแซมผิว เมื่อไม่มีคอลลาเจนนี้ที่จะช่วยรักษาผิวแล้ว ผิวที่เป็นแผลก็หายช้า เกิดเป็นแผลเป็น ใต้ผิวหนังที่เรียกว่า พังผืดดึงรั้งให้กลายเป็นหลุม

    คราวนี้เรามาดูสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดหลุมสิวกันค่ะ  ซึ่งหลายๆคนมักเข้าใจว่าหลุมสิวเกิดจากการที่เป็นสิว แล้วไปแกะ บีบ หรือยุ่งกับมันมากเกินไปจนทำให้เกิดแผล แต่ในความเป็นจริงแล้วหลุมสิวที่เกิดจากสาเหตุดังกล่าวเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยยังมีสาเหตุอื่นอีก  อาทิเช่นการที่เป็นสิวอักเสบแล้วละเลย ไม่สนใจ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมดูแลให้หายอีกด้วย เนื่องจากการอักเสบมันมีมากและไม่ได้รับการรักษา ทำให้ผิวหน้าในส่วนนั้นถูกทำลายซ่อมแซมตัวเองไม่ได้ จึงเกิดเป็นหลุมสิว นอกจากนี้หลุมสิวก็ยังเกิดจากกรรมพันธุ์ได้อีกด้วย

    หลุมสิวมีอยู่ 3 ประเภทตามลักษณะ ได้แก่

    1. Icepick Scars – ลักษณะหลุมสิวที่ปากหลุมจะกว้าง ส่วนก้นหลุมจะแคบ จึงเป็นรอยสังเกตเห็นได้ยากกว่าแบบอื่น

    2. Box Scars – ลักษณะหลุมสิวประเภทนี้ ปากหลุมจะกว้าง แต่ไม่ลึก สังเกตเห็นได้ง่ายเพราะมักจะเป็นรอยกว้าง

    3. Rolling Scars – ลักษณะจะเป็นรูเล็กๆ แต่ก้นหลุมลึก และหลุมสิวประเภทนี้รักษายากที่สุด

    วิธีการรักษาหลุมสิว  มีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี
 
    1. กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน อาทิ  การยิงเลเซอร์, การใช้คลื่น RF, ทาครีมลบรอยแผลเป็น, การฉายแสง LED เป็นต้น  วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิว Rolling Scars

    2. ทำให้เซลล์ผิวด้านบนหลุดออก และร่างกายเกิดการซ่อมแซม ตลอดจนดันหลุมสิวให้ตื้นขึ้นเอง เช่น แต้มกรด TCA, ลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด AHA, BHA, PHA เป็นต้น วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวแบบ Box Scars, Rolling Scars

    3. การทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบ กระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตนเอง โดยสร้างเซลล์ใหม่ เช่น เลเซอร์ชนิดไม่มีแผล เป็นต้น วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวทั้ง 3 แบบ

    4. การเติมเต็มหลุมสิวด้วยสารเติมเต็ม เช่นการฉีดฟิลเลอร์ วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวแบบ Rolling Scars

    5. การตัดผังผืดใต้ผิวหนังบริเวณหลุมสิวออกไป โดยการใช้เข็มที่มีใบมีดอยู่ปลายเข็ม เจาะแล้วเอาใบมีดตัดผังผืดใต้ผิวหนังออก วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวทั้ง 3 ประเภท

    6. การศัลยกรรมผ่าตัดหลุมสิว เช่นกรีดผิวหนังเป็นวงรี แล้วเย็บปิด เหมาะกับหลุมสิวแบบ Icepick Scars และ Box Scars

    หลุมสิวเมื่อเป็นแล้ว ต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน  ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีเลยทีเดียว  เพราะฉะนั้นทุก ๆ ท่านควรระมัดระวังไม่ให้เกิดสิวจะดีที่สุดค่ะ

อาหารลดน้ําหนัก ครีมแก้ขาลาย ลดพุง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น