วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แต่งหน้าอย่างไรให้หน้าเรียวสวย (ตอนที่ 1)


    “ไก่งามเพราะขน  คนงามเพราะแต่ง” ถึงแม้จะเป็นภาษิตโบราณ  แต่ก็ยังนำมาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย เพราะคนเรามีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันไป  บางครั้งเราอาจพอใจหรือไม่พอใจกับรูปหน้าของเรา  ไอ้ครั้นจะไปทำศัลยกรรมก็กลัวเจ็บ หรือไม่ค่าใช้จ่ายก็สูงลิบ  แต่ความอยากสวยก็ยังมีอยู่  จะทำอย่างไรดีหนอ

    การแต่งหน้า  ถึงเข้ามามีบทบาทสำหรับสาว ๆ ที่จะช่วยเนรมิตให้คุณปิดบังจุดด้อย  และเปิดเผยจุดเด่นของคุณได้อย่างเดียวทีเดียว  แต่จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ตามมาทางนี้เลยค่ะ

    ก่อนอื่นเราต้องมีรู้จักศัพท์แสงในการแต่งหน้าเสียก่อนค่ะ  หลักๆ ก็มีอยู่ 3 อย่างนะคะคือ

    1. คอนทัวร์ (Contour) เป็นขั้นตอนการสร้างโครงหน้าให้คม ชัดเจน ดูมีมิติขึ้น เช่น บริเวณกรอบหน้า หรือขมับ

    2. ไฮไลท์ (Hilight) เป็นขั้นตอนการลงสีที่สว่างกว่าสีผิวจริง เป็นการเน้นจุดที่ต้องการให้โดดเด่นขึ้นมา เช่นบริเวณสันจมูก หรือโหนกแก้ม

    3. เฉดดิ้ง (Shading) เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ใบหน้ามีมิติยิ่งขึ้น สามารถช่วยอำพรางจุดที่ต้องการปรับให้เล็กหรือแคบลง วิธีการลงเฉดดิ้งที่ดี ควรลงสีให้เข้มกว่าสีผิวจริงประมาณ 2 เฉดสี เพื่อสร้างเงาบนใบหน้า

    เมื่อรู้จัก 3 อย่างนี้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการแต่งหน้า สาว ๆ เองก็คงทราบอยู่แล้วว่า คนเราจะมีรูปหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการแต่งหน้าเพื่อปกปิดจุดด้อยก็ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคนด้วยค่ะ
  
    สาวหน้ารูปไข่ เป็นรูปหน้าที่ต้องการของสาว ๆ มากที่สุดค่ะ ให้ลงเฉดดิ้ง บริเวณข้างแก้ม ตั้งแต่กลางแก้มไล่มาทางขากรรไกร โดยปัดเฉียงจากบนลงล่างด้วยรองพื้นหรือบรอนเซอร์สีน้ำตาลหรือสีทองแดง ควรเลือกสีรองพื้นหรือสีบรอนเซอร์ให้เข้มกว่าผิวระดับหนึ่ง เริ่มปัดอย่างเบามือก่อน แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นตามความต้องการได้เลยค่ะ จากนั้นจึงปัดไฮไลท์บริเวณหน้าแก้มให้เหนือบลัชออน

    สาวรูปหน้ากลม ปรับรูปหน้าช่วงแก้ม โดยควรลงไฮไลท์บริเวณหน้าผาก สันจมูก และตามด้วยคาง เพื่อสร้างจุดเด่น และให้ใบหน้าดูยาวขึ้นด้วย จากนั้นจึงลงบรอนเซอร์บริเวณข้างแก้มจะช่วยหลบแสงให้ใบหน้าดูเล็กลง

    สาวหน้าเหลี่ยม ควรแต่งโดยการปรับรูปหน้ามนขึ้นในช่วงกรามและแก้ม การเฉดดิ้งจะเริ่มที่ใต้โหนกแก้มให้ดูชัดขึ้น แล้วลบเหลี่ยมบริเวณช่วงกราม จากนั้นปัดแก้มเบาๆ ระหว่างใต้โหนกแก้มและกราม

    สาวหน้ารูปหัวใจ เน้นปรับรูปหน้าช่วงคางและหน้าผาก  โดยต้องเฉดดิ้ง บริเวณขมับมากขึ้น เพื่อให้บริเวณหน้าผากดูแคบลง และใช้บลัชออนปัดแก้มตามแนวขวางให้รูปหน้าดูกว้างขึ้น แล้วเฉดดิ้งอีกครั้งบริเวณคาง ไม่ดูแหลมจนเกินไป เลือกบลัชออนสีพีชหรือสีชมพูอมส้ม หรือสีบลัชออนตามที่ชอบ

    เป็นอย่างไรบ้างคะ  คงมีไอเดียในการแต่งหน้าสำหรับรูปหน้ากันมากขึ้นนะคะ ในบทความหน้าเราจะมาแนะนำวิธีแต่งหน้าในแต่ละส่วน  อย่าลืมติดตามกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

สายรัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial



วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เปลี่ยนสีผม ชีวิตเปลี่ยน เป็นไงมาดูกัน


    ถ้าได้เคยอ่านบทความก่อนหน้านี้  ที่เกี่ยวกับการเลือกทรงผมให้เหมาะกับรูปหน้า เพื่อให้หน้าดูเรียวสวย อีกทั้งยังช่วยปกปิด แก้ไขรูปหน้าอีกด้วย  แต่ละรูปหน้าควรเลือกทรงผมอย่างไร คงพอทราบหลักการกันไปบ้างแล้ว  แต่ถ้ายังไม่เคยอ่านลองย้อนกลับไปหาอ่านกันดูนะคะ  และมาคราวนี้เราจะมาเจาะลึกเพิ่มเติมค่ะ  เพราะนอกจากทรงผมจะมีส่วนช่วยให้รูปหน้าเราดูเรียวขึ้นได้แล้ว  อีกประการหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ “สีผม” นั่นเองค่ะ  เพราะหากคุณทำสีผมได้ดีแล้ว  ถือว่างานนี้มีเกิด หรือปังแน่นอนค่ะ

    การทำสีผมนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยขับให้หน้าของคุณดูสว่างขึ้น  สดใสขึ้น และยังดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงได้อีกด้วยนะคะ  ทราบอย่างนี้แล้วจะแค่ทำทรงผมรับกับใบหน้าให้ดูเรียวสวยคงไม่พอแล้ว  คงต้องจัดสีผมต่อเลย  มีหลักการอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

    1. ผิวขาวอมเหลือง (Ivory Peach) สีผิวลักษณะนี้มักเป็นสาว ๆ ที่มีเชื้อสายจีนค่ะ ซึ่งสีผิวแบบนี้บางครั้งอาจทำให้ใบหน้าแลดูซีดเซียวหรือดูเหนื่อยล้าไม่สดใส ดังนั้นควรทำโทนสีสว่าง ๆ เช่นสีผมประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง ควบคู่ไปกับทรงผมที่มีการสไลด์สร้างเลเยอร์ดูโฉบเฉี่ยว สดใส และกระฉับกระเฉง

    2. ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง (Golden Beige Amber) สีผิวลักษณะนี้มักเป็นสาว ๆ ไทยแท้ ดูเป็นคนที่มีเสน่ห์และความเซ็กซี่อยู่ในตัวเอง โทนสีที่เหมาะคือสีผมโทนสีทอง เคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนเรื่อยไปจนถึงสีเนื้อ หรือเลือกทำไฮไลท์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับเพื่อขับเน้นให้ใบหน้าแลดูสว่างขึ้น เผยความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ในตัว

    3. ผิวสีแทนหรือผิวคล้ำเข้ม (Beige Olive) สีผิวของสาวประเภทนี้จะเป็นสาวที่มีลุคดูอบอุ่น ดังนั้นจึงเหมาะกับสีผมน้ำตาลแท้ น้ำตาลช็อกโกแลต ทั้งนี้ก็เพื่อขับเน้นให้ผิวที่เข้มอยู่แล้วไม่ดูด้านหรือกระด้างเกินไป แต่กลับช่วยเพิ่มความกระจ่างใสขึ้น และเพิ่มสีสันและมิติของผมด้วยไฮไลท์สีประกายทองแดง เพื่อเพิ่มความอ่อนหวาน

    นอกจากนี้หากรูปหน้าของคุณเหมาะกับผมสั้น หรือผมบ๊อบ  การทำผมในโทนสีที่สะท้อนไฟหรือแสงแดดจะเหมาะมากทีเดียว เช่น สีทองแดง หรือคาราเมล และทำไฮไลท์บ้าง แต่ไม่ควรจะเยอะมากนัก    ส่วนรูปหน้าที่เหมาะกับผมยาว  ควรทำสีไฮไลท์แบบหลายโทน และให้เข้มกว่าสีพื้นผม  จะทำให้เจิดมากค่ะ

    เป็นอย่างไรบ้างคะ  หวังว่าสาว ๆ คงมีไอเดียเพิ่มกันแล้ว  นอกจากทำผมให้เหมาะกับรูปหน้าแล้ว  การทำสีผมก็ยิ่งส่งเสริมรูปหน้าคุณอีกแรงหนึ่งด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

สายรัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กัวซาหน้าเรียวใส ด้วยวิธีธรรมชาติ ภูมิปัญญาจากชนรุ่นหลัง


สำหรับวันนี้เรามีวิธีลดหน้าเรียวที่เป็นวิถีพื้นบ้านมาแต่โบราณ อย่างกัวซา ซึ่งได้มาจากวัฒนธรรมจีนโบราณ เป็นการรักษาโรคต่างๆโดยคำว่า “กัว”  หมายถึง  การกวาด หรือ ขูด และคำว่า “ซา”  หมายถึง  อาการของพิษโรค  ซึ่งปรากฏบนผิวเป็นรอยผื่น หรือจ้ำ แดงๆ คล้ายเม็ดทราย

ดังนั้น “กัวซา” ก็คือ การขูดผิวหนังเพื่อเสาะหาพิษ หรือโรคที่แอบแฝงอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย และทำการกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด ส่งเสริมการไหลเวียนของพลังลมปราณในร่างกาย  ขับพิษ หรือความร้อนออกจากร่างกาย  นับเป็นการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้ได้ง่าย สะดวก เห็นผลเร็ว  ประหยัด  และทำได้ด้วยตนเอง  ที่สำคัญคือ “ไม่ต้องกินยา”

ปัจจุบันมีการนำเทคนิคกัวซามาผสมผสานการใช้กับการเสริมความงามให้หน้าใส กระจ่าง ปรับรูปหน้าให้เรียวได้รูปโดยนำเทคนิคกัวซามาใช้

ซึ่งการทำกัวซาจะต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้เรียกว่าแผ่นกัวซา ซึ่งมีหลากหลายแบบด้วยกันอย่างผลิตภัณฑ์จากพืช และสัตว์ เช่น แผ่นไม้ไผ่ เปลือกหอย เขาสัตว์ ส่วนแผ่นกัวซาที่เหมาะกับใบหน้าคือหินหยก ที่มีความมน เย็น ไม่ทำร้ายผิวหน้า และต้องมีตัวประสาน ซึ่งก็คือพวกน้ำมัน ครีมต่างๆเพื่อให้ไม่กระทบผิวจนเกินไป

 “กัวซา” กับใบหน้า เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนังบริเวณใบหน้าโดยตรง กระตุ้นการหมุนเวียนสูบฉีดของโลหิต ทำให้ได้รับออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเต็มที่ พร้อมกันนั้น ก็เป็นการเร่งให้ร่างกายขับสารพิษออกไปเร็วขึ้น เป็นผลให้ผิวพรรณเต่งตึง เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น เป็นประกาย มีเลือดฝาด ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำ ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า  หนังตา  แก้ม  ปรับเปลี่ยนรูปหน้า

วิธีการทำกัวซา โดยการใช้แผ่นหยก

1.    ก่อนอื่นให้เราล้างหน้าให้สะอาดจากนั้นทาครีมที่หน้าตามปกติ เกลี่ยครีมให้ทั่วหน้าแล้วใช้หินหยกขูดกัวซาจากกึ่งกลางใบหน้าออกไปด้านข้างเริ่มจากบริเวณปลายคางนวดด้วยแผ่นหยกขึ้นไปถึงปลายหูทำเหมือนกันทั้งสองข้าง ข้างละ 10ครั้ง
2.    จากนั้นเลื่อนมาที่ปลายจมูกลากแผ่นหยกขึ้นไปตรงโหนกแก้มด้านข้างอีก 10ครั้ง
3.    บริเวณใต้ตาลากออกไปถึงขมับทั้ง 2 ข้างอีก 10 ครั้ง (อย่ากดแรงนะคะเดี๋ยวหน้าจะช้ำได้)
4.    จากนั้นบริเวณกลางหน้าผากลากออกไปด้านข้างอีก 10ครั้งสังเกตได้ว่าเนื้อครีมจะถูกผลักซึมลึกเข้าสู่ใต้ผิวนะคะ
โดยเคล็ดลับความงาม อยู่ที่ความสม่ำเสมอในการทำทุกวันค่ะ เพราะเป็นการยกกระชับตามธรรมชาติ กัวซาแผ่นหยกสามารถปรับรูปหน้าเรียว ยกกระชับใบหน้าต้านริ้วรอย ใบหน้าสดใสยกกระชับขึ้นจริงไม่ต้องไปร้อยไหม โบทอกซ์ แต่ต้องใช้เวลาและความใส่ใจค่ะ
5.    ผิวหนังเรียบเนียน ผิวรอบดวงตา และบริเวณลำคอ เพื่อผิวหน้า ยกกระชับ สดใส ด้วยการทำกวาซาจากหยก ผสานวิทยาการล่าสุด
6.    ใบหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ มีริ้วรอยตามวัย ใบหน้าตก หนังตาตก ใบหน้าไม่สดชื่น ปัญหาเหล่านี้หมดไปแน่นอนค่ะ 

ประโยชน์ในการทำกัวซาหน้า
1.    เป็นการดึงเลือดมาเลี้ยงใบหน้า
2.    กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้หน้าเต่งตึง
3.    หน้าเปล่งปลั่ง ลดริ้วรอย หน้าใส
4.    ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าให้เต่งตึง เต็มฟู ตามธรรมชาติ
5.    การกัวซาคอ ช่วยลดเหนียงชั้นๆที่คอ ได้ดีมาก


****************

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

สายรัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

มาลดคางสองชั้นด้วย Lipo-dissolve แล้วจะอึ้งกับผลลัพท์ที่ปรากฏ


    ปัจจัยที่ทำให้หน้าเราดูไม่เรียว หรือที่เรามักเรียกกันว่าหน้าบาน มีอยู่มากมายนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นคางสองชั้น หรือที่เราชอบเรียกว่ามีเหนียง หรือแก้มยุ้ย ๆ ยิ้มทีเห็นแก้มก่อนส่วนอื่น ๆ บนใบหน้าเสียอีก  ซึ่งสาว ๆ ที่รักความงาม ก็คงได้แต่ส่องกระจก ถอนหายใจว่าจะทำยังไง๊ ยังไงกับไอ้เหนียง หรือแก้มยุ้ย ๆ อันนี้ดี

    วันนี้มาแนะนำอีกวิธีการหนึ่งที่จะกำจัดสิ่งกวนใจเรานี้นะคะ  เรียกกันว่า Lipo-dissolve  หรือที่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า Lipo  ฟังดูเหมือนชื่อเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งนะคะ  แต่เรามาดูกันว่าเจ้า Lipo นี่มันคืออะไร และมีวิธีการอย่างไรบ้าง

    Lipo-dissolve หรือเรียกอีกชื่อว่า Fat dissolve เป็นการฉีดยาเพื่อไปสลายไขมันที่ชั้นไขมันโดยตรงที่บริเวณที่เราต้องการลดสัดส่วน เช่น แก้ม คอ ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับสัดส่วนที่ไม่สามารถลดได้ หรือลดก็ยากมากจากการควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกาย

    ซึ่งการฉีด Lipo นี้จำนวนเข็มที่จะฉีดแต่ละครั้ง แพทย์ผู้ทำการฉีดจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไปค่ะ เพราะแต่ละคนก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะมีการเจ็บจากฉีดเพียงเล็กน้อย โดยหลังฉีดหน้าอาจบวมและแดงขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่รอพักฟื้นนะคะ หากต้องออกไปเจอะเจอผู้คน ก็สามารถใช้รองพื้น
แต่งกลบได้ค่ะ และภายใน 24 ชั่วโมงนั้น งดออกกำลังกายนะคะ

เพราะเลือดจะสูบฉีดทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้นค่ะ หลังจากฉีด Lipo ไปแล้วประมาณ 5-7 วันควรเข้ารับการนวดระดับลึกด้วยเครื่องมือจากทางคลินิก ทั้งนี้เพื่อให้การสลายไขมันในจุดที่เราทำนั้นเกิดประสิทธิภาพ และเห็นผลยิ่งขึ้น โดยเราจะเห็นผลได้หลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 3 ครั้ง แต่ละครั้งฉีดห่างกันประมาณ 1-2 อาทิตย์ แต่ต้องฉีดกี่ครั้ง ก็ขึ้นอยู่แพทย์จะพิจารณาเช่นเดิมค่ะ

    การฉีด Lipo นี้ เป็นการสลายไขมัน โดยไขมันที่สลายไปดังกล่าวจะไม่สร้างใหม่อีก   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยนะคะ เช่นอายุที่เพิ่มขึ้น การควบคุมอาหาร ตลอดจนการออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ในวงการแพทย์ถือว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยมาก

    เมื่อมีข้อดี ก็มีข้อต้องห้ามเช่นกัน  มีบุคคลบางประเภทที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ นั่นคือสาว ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร  ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลิน ผู้ป่วยโรคตับ เป็นต้น  ทางที่ดีก่อนที่เข้ารับการรักษาไม่ว่าด้วยการฉีด Lipo หรือวิธีการศัลยกรรมอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ให้ดีและมั่นใจก่อนนะคะ

****************

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

สายรัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครีมหน้าเรียว ช่วยคุณได้จริงหรือ อ่านก่อนโดนหลอก


    สาว ๆ ที่อยากมีรูปหน้า V-line แบบสาวเกาหลี ชนิดที่ว่าถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี  จะตั้งใจเซลฟี่ด้วยตนเอง หรือถูกแอบถ่ายก็มั่นได้ตลอดว่ารูปจะออกมาดีทุกมุมแน่ ๆ ย่อมต้องหาตัวช่วย เคล็ดทั้งลับและไม่ลับทุกวิถีทาง  ซึ่งผู้เขียนคิดว่า 1 ในนั้นจะต้องมีครีมหน้าเรียวหรือเซรั่มหน้าเรียวรวมอยู่ด้วยเป็นแน่  เราลองมาวิเคราะห์กันไหมคะว่าเจ้าครีมนี้มันคืออะไร  แล้วมันช่วยให้หน้าเรียวได้จริง ๆ หรือไม่

    ครีมหน้าเรียวหรือเซรั่มหน้าเรียวนั้น บ้านเรามีอยู่หลากหลายแบรนด์ให้เลือกสรรมาก ๆ และก็จะมีส่วนผสมแตกต่างกันไป  แต่โดยส่วนใหญ่จะต้องมีเจ้า Acetyl Hexapeptide 8 ซึ่งเจ้าสารตัวนี้มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ มีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอยที่เป็นร่องลึกจากสภาพผิวหนังที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่มากขึ้น  และยังมีส่วนยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ และช่วยยกกระชับผิวให้กระชับเต่งตึง ซึ่งเป็นเสมือนหัวเชื้อต้องนำมาผ่านกรรมวิธีตลอดจนผสมให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ จึงจะใช้ได้อย่างปลอดภัย

    จากประสิทธิภาพที่ได้กล่าวไปนั้น  จะเห็นได้ว่าหากเรานำครีมหน้าเรียวหรือเซรั่มหน้าเรียวมาใช้ ก็จะทำให้ผิวหน้าของเราดูเต่งตึง กระชับมากขึ้น เป็นการยกกระชับผิวหน้า  ซึ่งก็จะมีผลทำให้รูปหน้าของเราดูเล็กลงนั่นเอง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน

    นอกจากนี้การหาซื้อครีมหรือเซรั่มหน้าเรียวมาใช้นั้น  คุณต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนถึงร้านที่ขายว่าน่าเชื่อถือหรือไม่  การหมดอายุของครีมหรือเซรั่ม  ได้รับ อย.หรือไม่  และหากมีเลข อย. ในมือ กรุณานำไปตรวจสอบในเว็บไซต์ http://fdaolap.fda.moph.go.th/logistics/cosmetic/CSerch.asp?id=cos     ด้วยนะคะ ว่าเลข อย. ดังกล่าวไม่ได้ถูกโมเมสวมเพื่อมาหลอกผู้บริโภคอย่างเรา ๆ  อีกทั้งไม่ควรเก็บครีมหรือเซรั่มในที่โดนความร้อน หรือมีอากาศร้อน  เพราะจะทำให้ครีมหรือเซรั่มเสื่อมสภาพได้ง่ายและเร็วขึ้น  ดังนั้นแนะนำให้เก็บครีมหรือเซรั่มไว้ในตู้เย็นจะเป็นการดีที่สุดนะคะ

    แต่สิ่งที่ควรคำนึงร่วมด้วยยังมีอีกหลายปัจจัย  อาทิเช่นโครงหน้าหรือรูปหน้า หากคุณเป็นคนมีรูปหน้ากลม หรือรูปหน้าเหลี่ยม  การใช้เพียงครีมหรือเซรั่มหน้าเรียวเพียงอย่างเดียวย่อมไม่เห็นผลที่ชัดเจน หรือได้ผลลัทธ์ไม่ถูกใจคุณ  ดังนั้นอาจต้องมีการใช้วิธีอื่นร่วมด้วยเช่น การร้อยไหม ฉีดโบท็อก หรือแม้แต่การผ่าตัดศัลยกรรม เป็นต้น

    จะเห็นได้ว่า  การใช้ครีมหรือเซรั่มหน้าเรียวนั้นก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับสาว ๆ ในอันที่จะได้หน้าวีเชฟ  ซึ่งต้องใช้อย่างระมัดระวังและเหมาะสมด้วยนะคะ
   

****************

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage ที่รัดหน้าเรียว https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial




#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การฉีดฟิลเลอร์ เสี่ยงหรือไม่ เรื่องจริงที่หลายๆคน ไม่บอก


    นวัตกรรมใหม่ ๆ ในยุคนี้มีมากมายหลากหลาย  ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ต้องการ  โดยเฉพาะในเรื่องความสวยงามนั้น  ที่มีเทรนด์โน่น เทรนด์นี่เข้ามาเรื่อย ๆ อาทิหน้าเรียว จมูกโด่ง สักคิ้ว เป็นต้น ทำให้มีเครื่องมือ ตลอดจนกรรมวิธีอันทันสมัยมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรม ฉีดโบท็อก ฉีดฟิลเลอร์  ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้า และกำลังมองหาวิธีการที่จะช่วยเสริม หรือแก้ไขอย่างรวดเร็วทันใจแล้วล่ะก็  ลองอ่านบทความชิ้นนี้ดูนะคะ

    คงพอเป็นที่ทราบกันนะคะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ คือการที่คุณหมอจะฉีดสารบางชนิด ซึ่งมีส่วนประกอบของคอลลาเจนเข้าไปในผิวหนัง  ซึ่งโดยปกติเจ้าคอลลาเจนเนี่ยก็มีอยู่แล้วในผิวหนังคนเรา  แต่เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนนี้ก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาด้วยเช่นกัน มีผลทำให้ผิวหนังที่เคยกระชับ เต่งตึง ก็จะเกิดการหย่อนคล้อย จึงได้มีการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเพิ่มเติมในผิวหนัง เพื่อให้ผิวกลับฟื้นฟูสภาพขึ้นมาอีกครั้ง  โดยปกติหากเราไปทำการร้อยไหม  หากคลินิกมักมีการฉีดฟิลเลอร์บ้าง หรือโบท็อกบ้าง โดยขายควบคู่กันเป็นแพคเกจ ทั้งนี้เพื่อให้หลังการทำ ผู้เข้ารับการฉีดจะสามารถเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างทันทีเลยทีเดียว

    แต่ด้วยความที่สิ่งเหล่านี้เป็นค่านิยมอย่างหนึ่ง  ทำให้คลินิกศัลยกรรมความงามจึงผุดขึ้นมากมาย มีทั้งได้มาตรฐานและไม่ได้มาตรฐาน  อีกทั้งประสบการณ์ความชำนาญของผู้ที่ทำการฉีดให้ก็สำคัญเช่นกัน  หลายแห่งอาจใช้เพียงผู้ชำนาญงาน  บางแห่งเป็นคุณหมอ  อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่คุณสาว ๆ ควรพิจารณาให้ดีนะคะ อีกทั้งทุกครั้งของการฉีด  นั่นคือความเสี่ยงทุกครั้งค่ะ  เพราะบางทีครั้งอื่น ๆ ที่ฉีดไม่เกิดอาการแพ้  แต่คราวนี้คุณอาจเกิดการแพ้  ระคายเคืองก็ได้  หรือการทำความสะอาดผิวหน้าก่อนทำการฉีดไม่ดี ก็มีผลทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน  ตลอดจนผู้ทำการฉีด คือคุณหมอหรือผู้ชำนาญการฉีดในจุดที่ต้องการฉีดตื้นเกินไป  หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อันนี้ก็ทำให้เกิดการระคายเคืองในภายหลังได้เช่นเดียวกันค่ะ

บางครั้งฉีดแล้วมันไปกระจุกอยู่ที่เดียว จนคลำเป็นก้อน ซึ่งอันนี้หากทิ้งไว้ประมาณ 1-3 เดือนแล้วยังไม่ดีขึ้น คงต้องกลับไปหาคุณหมอเพื่อแก้ไขนะคะ  และสิ่งสำคัญที่อยากเตือนสาว ๆ ก็คืออย่าฉีดบริเวณรอบดวงตาเป็นอันขาด  เพราะบริเวณนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนผิวหน้าที่บอบบางที่สุดและแพ้ได้ง่ายที่สุด

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในอันที่เกิดอันตรายขึ้นได้อีกมากมายหลายกรณี  ซึ่งคุณควรถามตัวคุณเองว่า  หากเกิดในกรณีอาการแพ้หรือเหตุสุดวิสัยอะไรก็แล้วแต่ คุณยอมรับความเสี่ยงหรือพิษภัยจากอาการเหล่านั้นได้หรือไม่  ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องเรียกร้องความเสียหายหรอกค่ะ  เพราะถึงตอนนั้นจริง ๆ ตัวคุณเองคือผู้รับผลนั้นแบบเต็ม ๆ ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนกันมาก ๆ นะคะ

****************

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Vaser ดูดไขมันที่แก้มและคางกำจัดปัญหาหน้ากลม


เดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ๆมากมายมานำเสนอสาวๆที่รักสวยรักงามกัน อย่างวันนี้สาวๆที่มีปัญหาเหนียงยาน หน้ากลม คงยิ้มกว้างกันเลยค่ะ กับเทคนิคศัลยกรรมทำสวยได้ง่ายๆไม่เจ็บตัวมากอย่าง การดูดไขมัน สลายไขมัน แบบ Vaser Lipo selection น่าจะผ่านหูสาวๆมาบ้างแล้วแต่รายละเอียดการอัพสวยได้อย่างไรนั้นเรามาลองดูกันดีกว่าว่าเทคนิคนี้ดีอย่างไรนะคะ

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ Vaser Lipo Selection กันก่อนค่ะ เป็นนวัตกรรมใหม่ในการดูดไขมัน ที่ทำให้ร่างกายได้รับความบอบช้ำน้อย แทบไม่ต้องพักฟื้นนานค่ะ โดยเทคนิคการทำงานของวิธีนี้คือการใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิกที่มีความถี่สูง เพื่อเกิดความร้อนในการแตกตัวของเซลล์ไขมัน จนสลายตัว เหมือนแปลรูปไขมันที่แข็งๆให้กลายเป็นของเหลว เพื่อทำการดูดไขมันที่ละลายเหล่านั้นออกมาจากร่างกายทำให้เป็นวิธีที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อย ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นประสาท เส้นเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ ค่ะ

ขั้นตอนของการทำ Vaser

บริเวณที่เราจะทำการดูดไขมันออกจะต้องทำการฉีดน้ำเกลือเข้าไป และฉีดยาชาเพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บและลดการเสียเลือด อย่างเวเซอร์ที่คางและ แก้มจะทำการเจาะน้ำเกลือที่หลังใบหูทั้งสองข้าง และใต้คาง 1 ที่ ระหว่างทำจะไม่รู้สึกอะไรเพราะฉีดยาชาแล้ว

เครื่อง vaser จะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสลายไขมันขากแข็งจนเป็นของเหลว โดยจะทำลายเฉพาะไขมันเท่านั้น เมื่อไขมันสลายตัวเป็นของเหลวแล้ว จะถูกดูดออกมาจากร่างกาย โดยจุดที่ถูกดูดออกมาจะถูกเย็บปิด 1-3 เข็มโดยเกิดรอยแผลเป็นน้อยมาก ใช้เวลาในการทำประมาณ 30นาทีค่ะ

จากนั้นทำการพักฟื้น ให้ผิวหนังค่อยๆหดตัวกลับสูสภาพเดิม ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกให้เราใช้ผ้าช่วยพยุงหน้าเอาไว้ โดยต้องพันผ้าให้แน่นๆ และห้ามแผลโดนน้ำเพื่อที่แผลจะได้แห้งไวๆ จากนั้นหมอก็จะนัดมาตัดไหม อีก 1 อาทิตย์

หลังจากการทำการดูดสลายไขมันแล้วในช่วงแรกอาจจะรู้สึกระบม ปวด บ้างและ อาจมีรอยช้ำบริเวณที่ทำการดูดสลายไขมัน และอาการจะเริ่มดีขึ้นใน  1 อาทิตย์ และจะเข้าที่ดีในระยะเวลา 1 เดือน สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำ vaser อยู่ที่ประมาณ 30000-50000บาทค่ะแล้วแต่สถานเสริมความงาม

สำหรับวิธีการดูดไขมันแบบ vaser นั้นก็ได้รับความนิยมมากเช่นกันในปัจจุบันเพราะปลอดภัย ไม่อันตราย และทำได้เฉพาะจุดที่เราต้องการเช่นกันค่ะ และเป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนด้วยค่ะ ใช้เวลาไม่นานในการรักษาตัว ใครที่มีปัญหาเหนียงยาน แก้มย้อยก็ลองพิจารณากันดูนะคะว่าเราเหมาะกับวิธีนี้หรือไม่


#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/
ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สายรัดหน้าเรียว ลวงโลก จริงหรือป่าว


    บางทีคนเราก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ  มีใบหน้ารูปไข่  สูง ขาว หุ่นดี หรืออะไรก็ตามที่เป็นเทรนด์ยอดฮิตในขณะนี้  ทำให้เราเสาะแสวงหาตัวช่วยต่าง ๆ  หรือแม้กระทั่งการทำศัลยกรรม ซึ่งมีอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ  แต่การทำศัลยกรรมนั้นก็ออกจะสุ่มเสี่ยงในสายตาหลาย ๆ คน เพราะเราต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียมากมาย เนื่องจากเราอาจต้องรับสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย  อีกทั้งฝีมือของคุณหมอ, ผลกระทบหลังการทำ ตลอดจนการเจ็บตัวจากการผ่าตัด  ทำให้สาว ๆ หลายท่านยังรีรอที่จะทำศัลยกรรม

    ดังนั้นเราจึงมักหาตัวช่วยแบบอื่น ซึ่ง 1 ในหลาย ๆ อย่างนั้นก็คือสายรัดหน้าเรียว ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะกังขาว่าสายรัดที่เห็นว่ามีการดึงรั้งจากช่วงลำคอ และคางขึ้นไปด้านบนนั้น มันช่วยทำให้หน้าของเรานั้นเรียวขึ้นได้จริงหรือ ซึ่งจากผลการทดลองต่าง ๆ มันก็ช่วยได้จริง แต่ก็มีปัจจัยอื่นควบคู่ด้วย อาทิเช่น

    ปัจจัยตัวแรก ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง  เพราะไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะดีขนาดไหน ประสิทธิภาพมากเพียงไร หากคุณไม่มีความขยัน และอดทน  ก็จะไม่เห็นผล  เพราะเราไม่ได้เพียงแค่ทำวันหรือ 2 วัน เปรียบเสมือนคุณปลูกต้นกล้า หากนั่งมองทุกวันย่อมไม่เห็นมันโต  แต่หากคุณรดน้ำไปเรื่อย ๆ แล้วประมาณ 1-2 อาทิตย์มาดู คุณก็จะเห็นว่ามันต้นกล้ามันเติบโตขึ้น  ก็เฉกเช่นเดียวกันค่ะ  แล้วยิ่งนั่งส่องหน้ากระจก นั่งมองทุกวัน จะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง  ดังนั้นควรถ่ายรูปก่อนทำ หลังทำ ในมุมเดิม เพื่อนำมาเปรียบเทียบถึงความเปลี่ยนแปลง

    ปัจจัยตัวที่ 2 คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทุกวันนี้หากพูดถึงสายรัดหน้าเรียวนั้น  หากคุณค้นหาจาก Google แล้ว จะพบผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จำนวนมากมาย  หลากหลายยี่ห้อ  วัสดุอาจเหมือนหรือแตกต่างกันไป  คุณอาจต้องพิจารณาดี ๆ เพราะวัสดุที่ดีมีคุณภาพ จะช่วยให้เราใช้ได้ในระยะเวลานาน  ขณะใช้ก็ไม่เกิดอาการแพ้หรืออาการอื่นข้างเคียง ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุ้มค่ากับราคาเงินที่เสียไป เป็นต้น

    ปัจจัยตัวที่ 3 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควบคู่กันกับสายรัดหน้าเรียว เช่น ครีมยกกระชับใบหน้า มีส่วนผสมของอะไรบ้าง ปลอดภัยหรือไม่ มีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่ ได้รับ อย. เรียบร้อยหรือยัง (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบ จะได้รับเลขจดแจ้งซึ่งสามารถตรวจสอบกับเว็ปไซต์ของทาง อย. ได้ว่าถูกต้องและตรงกันหรือไม่)

    อีกสิ่งหนึ่งที่นำมาพิจารณาก็คือ  รีวิวของผู้ที่เคยได้ใช้ไปแล้ว  ว่าประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างไร  ตัวของผู้ขายเองมีความน่าเชื่อถือหรือไม่  เพราะบางทีสินค้าดี  แต่ไปเจอผู้ขายที่หลอกลวงอันนี้ก็แย่เหมือนกันนะคะ

    หวังว่าบทความนี้คงให้ประโยชน์กับสาว ๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ  จะได้เอาไว้เป็นแนวทางในการเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองได้ค่ะ


****************

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ตัดกราม ปรับหน้าเรียวถาวร ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด





สาวๆที่มีปัญหารูปหน้าที่ไม่สวยงามที่ทำให้เกิดความกระวนกระวายใจอยากจะสวยถาวรคงเลือกวิธีศัลยกรรมกันในการแก้ปัญหา หากสาวๆคนไหนตัดสินใจจะแก้รูปหน้าด้วยวิธีศัลยกรรมแล้ว เทคนิคการศัลยกรรมตัดกรามเพื่อปรับหน้าเรียวได้รูปถือเป็นการช่วยปรับทั้งรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม กรามที่ใหญ่แบบสาวเอเชียที่มักมีโหนกแก้มและกรามที่สูง ซึ่งการศัลยกรรมถือเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงต้องใช้ศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้นในการผ่าตัดแก้ไขนะคะ

การผ่าตัดกรามเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลีจนเผยแพร่มาสู่ประเทศไทย เมื่อก่อนอาจได้ยินว่าต้องบินไปเกาหลีเพื่อไปศัลยกรรมซึ่งทีมแพทย์ของที่ประเทศเกาหลีโด่งดังมากในเรื่องศัลยกรรม เนื่องจากประเทศเค้าการศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ปกติ และทำง่าย ปัจจุบันเทคนิคต่างๆแพทย์ไทยก็เริ่มนำเข้ามาใช้ในการแก้ไขปรับรูปหน้าให้สวยงามได้เช่นกันโดยการแก้ไขส่วนต่างๆก็ต้องพิจารณาให้เหมาะสมในแต่ละรายไปค่ะ เรามาดูกันว่าขั้นตอนในการผ่าตัดนั้นมีอะไรกันบ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการศัลยกรรมนะคะ และเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าเหมาะกับเรารึปล่าว

ก่อนอื่นเมื่อนัดพบศัลยแพทย์จะเริ่มทำการเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้าว่าต้องการปรับรูปหน้าอะไร และประเมินภาพคร่าวๆให้ โดยการผ่าตัดจะเป็นการใช้ยาสลบให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บปวดขณะผ่าตัด

ในบริเวณของการตกแต่งกระดูกกรามนั้น เป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท จึงทำให้สามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย สามารถเลื่อยกระดูกปรับแต่งให้ได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า โดยทั่วไปมี 2 วิธีที่ใช้คือ วิธีแรกเป็นการผ่าตัดภายนอกช่องปากโดยผ่านผิวหนังบริเวณมุมกรามโดยตรง ส่วนอีกวิธีจะผ่าตัดในช่องปากโดยซ่อนแผลไว้บริเวณซอกเหงือกด้านหลังฟันซี่ สุดท้าย
หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้วต้องทำการพักฟื้นร่างกายให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน โดยต้องทำตามที่ศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดนะคะ จะได้แผลที่สวยงาม บางรายอาจมีอาการอักเสบบวม หรือติดเชื้อบริเวณที่ผ่าตัดได้

ข้อปฎิบัติหลังทำการผ่าตัดค่ะ โดยทั่วไปมีดังนี้ค่ะ

1.       ในช่วง 5-10วันให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมของใบหน้า ซึ่งอาการบวมถือเป็นเรื่องปกติ จะค่อยๆดีขึ้นเองค่ะ ซึ่งทำให้การอ้าปากไม่สะดวกด้วย หากมีอาการเขียวช้ำใต้คางให้ใช้น้ำอุ่นประคบเพื่อลดอาการช้ำค่ะ

2.       ให้หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพื่อช่วยในเรื่องการรักษาแผลให้สะอาดด้วยค่ะ

3.       หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้แรงเคี้ยวในช่วงแรก ให้ทานอะไรที่ทานง่ายเช่น โจ๊ก ข้าวต้ม 

4.       หมั่นบริหารใบหน้าส่วนกรามโดยการอ้าปากเป็นประจำเพื่อให้ข้อต่อและกรามไม่ยึดค่ะ

ซึ่งประมาณ 1-2เดือนหลังผ่าตัด รูปหน้าก็จะเริ่มเข้าที่ค่ะ สาวๆก็ลองศึกษาดูเพื่อเป็นตัวเลือกหนึ่งในการปรับแต่งรูปหน้าให้สวยถาวรกันนะคะ

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

เคล็ดไม่ลับ ปรับรูปหน้าง่าย ๆ ด้วยทรงผม


    ไม่มีใครเกิดมาแล้วมีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์เพอร์เฟกต์หรอกค่ะ  แต่เราสามารถ แต่งเติมให้ดูดีขึ้นได้  ไม่ว่าจะด้วยการทำศัลยกรรม  หรือหากใครกลัวเจ็บ ไม่อยากโดนมีดหมอ แต่อยากดูดีขึ้นได้ง่าย ๆ มาทางนี้เลยค่ะ

    เทคนิคง่าย ๆ ก็คือทรงผมของคุณนั่นเอง โดยก่อนอื่นคุณต้องพิจารณารูปหน้าของคุณเองเสียก่อนว่าเป็นแบบไหน เมื่อได้แล้วก็ลองดูคำแนะนำกันนะคะ

    แบบแรก  รูปหน้าแบบไข่ เป็นมีสัดส่วนของรูปหน้าโค้งสวยและรีได้รูป รูปหน้าแบบนี้ถือว่าเป็นสุดยอดรูปหน้าที่สาว ๆ ทุกคนปรารถนากันเลยทีเดียว  เพราะไม่ว่าคุณจะทำผมทรงไหน สั้นยาว ดัดตรง ก็สวยได้ทุกทรงเลยค่ะ

    แบบที่สอง  รูปหน้ายาว  คล้าย ๆ แบบแรกนะคะ  แต่มีระยะความยาวช่วงหน้าผากและคางที่มากกว่ารูปหน้าแบบไข่  ทรงผมที่เป็นข้อบังคับของคนรูปหน้าแบบนี้คือ “หน้าม้า” ค่ะ  เพราะจะช่วยอำพรางให้รูปหน้าของคุณดูสมส่วนมากขึ้น ไว้ความยาวผมประบ่า ทำผมให้เป็นลอนจะได้ดูมีวอลลุ่ม  และห้ามเด็ดขาดสำหรับผมตรงยาว และผมซอยสั้น  เพราะนั่นจะยิ่งเป็นการเน้นรูปหน้าของคุณให้ดูยาวขึ้นไปอีกค่ะ
  
แบบที่สาม รูปหน้ากลม ทรงผมที่แนะนำก็คือการสไลด์ด้านข้างผมให้มีเลเยอร์เพื่อให้มาปิดช่วงแก้ม ความยาวควรเลยคางลงมา จะทำให้หน้าดูเรียวขึ้นค่ะ หรือจะเป็นทรงบ๊อบ หรือผมดัดลอนใหญ่ ๆ  และทรงต้องห้ามคือผมซอยสั้นค่ะ  เพราะนั่นเป็นการไปเน้นรูปหน้าของคุณที่กลมอยู่แล้ว ให้กลมเป็นซาลาเปาหรือพระจันทร์วันเพ็ญมากขึ้นนั่นเอง

    แบบที่สี่  รูปหน้าเหลี่ยม จะมีช่วงโหนกแก้มและกรามที่กว้างพอ ๆ กันทำให้รูปหน้าดูเหลี่ยมค่ะ ทรงผมควรจะเป็นสไลด์ข้าง หรือผมดัดที่มีลอน โดยเน้นให้ปิดช่วงโหนกแก้มและคาง ส่วนทรงผมต้องห้ามคือผมซอยสั้น ที่เปิดเผยให้เห็นช่วงโหนกแก้มและกราม หรือผมบ๊อบ จะยิ่งทำให้รูปหน้าของคุณดูเหลี่ยมมากกว่าเดิม

    แบบที่ห้า รูปหน้าหัวใจ คือสาว ๆ ที่มีคางเรียวแหลม ช่วงหน้าผากกว้าง มีไรผมช่วงกลางหน้าผาก ทรงผมที่เหมาะกับสาวรูปหน้าแบบนี้คือ ผมดัดเป็นลอนคลื่น แสกข้างเพื่อให้ผมช่วยอำพรางช่วงหน้าผากบางส่วน ความยาวของผมควรเลยคาง เพื่อหลีกเลี่ยงการเน้นช่วงคางที่เรียวแหลมค่ะ

    แบบที่หก รูปหน้าเพชร เป็นรูปหน้าที่มีช่วงโหนกแก้มที่กว้าง เด่นชัด และช่วงหน้าผากและคางที่แคบ  สาว ๆ รูปหน้าแบบนี้เหมาะกับผมสั้นบ๊อบ หรือสไลด์ผมด้านข้างเพื่อปิดช่วงโหนกแก้ม  แต่ทรงผมต้องห้ามสำหรับสาวรูปหน้าเพชรคือผมตรงยาว  เพราะจะยิ่งทำให้หน้าดูแคบค่ะ

    เป็นอย่างไรบ้างคะ  หวังว่าคงหารูปหน้าและทรงผมที่ชื่นชอบเหมาะกับตนเองเจอกันบ้างแล้ว  ลองนำไปปรับใช้กับรูปหน้าของคุณดูนะคะ รับรองเริ่ดแน่นอนค่ะ

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว‬

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับการเลือกทานอาหารช่วยให้หุ่นดี หน้าเล็กเรียวได้





สำหรับสาวๆแบบเราต้องใส่ใจทั้งรูปร่างหน้าตา รวมถึงสุขภาพด้วยนะคะ ซึ่งใครจะรู้ว่าการทานอาหารก็เป็นปัจจัยหลักในการช่วยให้ใบหน้าเราเล็กเรียวได้นะคะ แปลกใจกันไหมค่ะว่าทำไมอาหารถึงมีส่วน ก็เพราะว่าสิ่งที่เราทานเข้าไปย่อมส่งผลรวมกับร่างกายของเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างของเรา ดั่งคำกล่าวที่ว่า You are what you eat นั่นเองค่ะ ใบหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งในร่างกานของเรานะคะ นั้นเรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรทานและควรหลีกเลี่ยงในการทานนะคะ

1.       ทานผักและผลไม้ แน่นอนว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายของเราค่ะ เพราะในผักผลไม้นอกจากมีวิตามิน กากใยครบครันแล้ว ยังช่วยให้เราอิ่มท้องด้วย ทดแทนแป้งต่างๆได้ดีเลยค่ะ โดยเฉพาะน้ำตาลจากผลไม้ก็ไม่ได้ทำให้เราอ้วนขึ้นเลยเพราะเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ดีต่อร่างกายค่ะ

2.       หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยว เพราะว่ายิ่งเป็นตัวที่ทำให้เราอ้วนมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะมีแต่แป้ง น้ำตาล ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งทานก็ยิ่งอ้วนเพิ่มขึ้นค่ะ

3.       หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า ไวน์ ก็จาม ล้วนแต่ส่งผลเสียให้ร่างกายของเราค่ะ ยิ่งทานมากก็ก่อให้เกิดการบวมน้ำของร่างกาย ซึ่งแอลกอฮอล์ไปส่งผลต่อระบบการหมุนเวียนของเหลวในร่างกายเมื่อเรารับแอลกอฮอล์มากๆแล้วก็ทำให้ระบบในร่างกายทำงานไม่เป็นระบบจนเกิดอาการบวมน้ำขึ้นค่ะ ซึ่งต่อไปจะเป็นสาเหตุของเซลลูไลท์ได้ค่ะ ดังนั้นสาวๆไม่อยากเสียใจภายหลังควรหลีกเลี่ยงเลยนะคะ รวมถึงยังส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย ไม่ดีแบบนี้เราก็ไม่ควรทานกันนะคะ 




4.       ดื่มน้ำสะอาด ปกติแล้วเราควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้วนะค่ะ หรือ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ ระบบในร่างกายก็จะทำงานได้ดี ซึ่งน้ำดื่มไม่ก่อให้เกิดอาการบวมน้ำอย่างพวกแอลกอฮอล์นะคะ ไม่ต้องกลัวค่ะยิ่งเราทานน้ำได้เยอะๆก็ยิ่งดีค่ะ น้ำช่วยในเรื่องผิวพรรณด้วยนะคะทานแล้วช่วยในผิวดีค่ะแต่ไม่ควรมากจนเกินไปนะคะทุกอย่างย่อมากไปย่อมไม่ดีค่ะ ให้เราค่อยๆทานเฉลี่ยกันไปนะคะต่อวันไม่ใช่ทานครั้งเดียวเยอะๆ  

5.       หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม เพราะเกลือทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้เช่นกันค่ะ การทานอาหารที่มีโซเดียมมากก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นพวก มาม่า อาหารกระป๋องต่างๆ ของหมักดอง ล้วนมีโซเดียมกันทั้งนั้นค่ะ ยังไงหลีกเลี่ยงไว้ก็ดีกว่านะคะ

6.       หลีกเลี่ยงอาหารหวานๆ ขนมหวานต่างๆ ล้วนส่งผลเสียตอสุขภาพ ยิ่งน้ำตาลที่เข้าไปจะเปลี่ยนเป็นแป้งในร่างกายและทำให้เราอ้วนได้นะคะ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นการเลือกทานอาหารที่ดีต่อร่างกายไม่ทำให้ร่างกายได้รับสิ่งที่จะก่อให้เกิดความอ้วนสะสมนะคะ ซึ่ง ความอ้วนกับผู้หญิงอย่างเราไม่ควรมาเจอกันเลยนะคะ ดังนั้นเราก็ต้องฉลาดเลือกฉลาดทานกันนะคะ อยากสวยหุ่นดี หน้าเป๊ะ ก็ต้องดูแลกันหน่อยค่ะ

#‎ที่รัดหน้าเรียว‬ ‪#‎labstory‬ ‪#‎หน้าเรียวpantip‬ ‪#‎แล็ปสตอรี่‬ ‪#‎vlineface‬ ‪#‎หน้าวีเชฟ‬ ‪#‎วิธีทําให้หน้าเรียว‬ ‪#‎สายรัดหน้าเรียว


ที่มา
ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/
ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial

แค่มีวินัย หน้าก็เรียวสวย แบบสาวเกาหลีได้แล้ว




ที่รัดหน้าเรียว

เพื่อน ๆ คงสงสัยนะคะ ว่าแค่มีวินัยเนี่ยนะจะทำให้หน้าเพรียวได้  คำว่าวินัย ในที่นี้หมายถึง  มีความขยัน อดทน เพราะการที่จะหน้าเราจะเพรียวหรือเรียวขึ้นได้นั้น ทำได้หลายวิธีซึ่งบางวิธีต้องทำซ้ำ ๆ ทุกวันถึงจะเห็นผลค่ะ  ลองมาดูกันนะคะว่ามีทางไหนกันบ้าง

          1. ทำทรงผมให้รับกับรูปหน้า ลองปรึกษาช่างทำผมนะคะ ว่ารูปหน้าของเรา เช่น รูปหน้ากลม หรือเหลี่ยม ควรจะทำทรงผมแบบไหนถึงจะปกปิดรูปหน้าให้ดูเพรียวขึ้นได้

        2.  เสื้อผ้า การใส่เสื้อคอวี สำหรับสาวหน้ากลม ก็ช่วยทำให้หน้าเพรียวขึ้นได้ หรือใส่เสื้อลายทางลง ก็ช่วยทำให้รูปร่าง และรูปหน้าดูเพรียวขึ้นได้เช่นกัน

          3. หากเพื่อน ๆ มีน้ำหนักส่วนเกิน ก็ควรลดน้ำหนักให้เหมาะสมนะคะ อาจจะด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารคู่กัน ซึ่งการที่น้ำหนักลดลง ก็มีผลทำให้รูปหน้าและรูปร่างเราเพรียวขึ้นได้เช่นกันค่ะ วิธีนี้ยังทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นด้วยนะคะ

          4.  การจัดฟัน วิธีนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย ประมาณ 2-5 ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่รูปฟันของเราด้วยนะคะ ซึ่งมีผลทำให้รูปหน้าดูเพรียวขึ้น

          5. การนวดเพื่อให้รูปหน้าเพรียวขึ้น อันนี้ต้องอาศัยการอดทนทำทุกวันนะคะ แล้วจะได้เห็นผล ซึ่งในแต่ละขั้นตอนควรทำอย่างใจเย็น ช้า ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และถ้าจะให้ดีควรทำหน้ากระจกเพราะเราจะได้เห็นได้อย่างชัดเจน

ที่รัดหน้าเรียว

         ขั้นตอนแรกเริ่มที่หน้าผาก โดยใช้นิ้วนางและนิ้วกลางนวดจากบริเวณกึ่งกลางหน้าผากแล้วค่อยๆ นวดวนขึ้น เป็นแนวขดลวดขึ้นลงเบาๆ ไปจนถึงบริเวณขมับ ทำซ้ำแบบนี้ประมาณ 3 ครั้ง

​         
ขั้นตอนที่ 2 นวดกล้ามเนื้อใต้ตา ให้ใช้นิ้วนางและนิ้วกลางนวดเบาๆบริเวณใต้ตาของเราวนไปวนมาเบาๆ 3 ครั้ง (ต้องระวังด้วยนะคะ เพราะใต้ตาเป็นส่วนที่ค่อนข้างบอบบาง)
​         
ขั้นตอนที่ 3 นวดแก้ม ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างของเรานวดจากบริเวณมุมปากในลักษณะแบบยกผิว ขึ้นเป็นมุมกว้าง แล้วนิ่งไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อยลูบลง ทำแบบนี้ 3 ครั้ง
​         
ขั้นตอนที่ 4 นวดมุมปาก ยกกระชับผิวบริเวณมุมปากโดยใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณกึ่งกลางคางขึ้นไปที่ตรงบริเวณมุมปากในลักษณะยกขึ้น 3 ครั้ง

        6. การบริหารใบหน้าของเราเพื่อให้ดูเพรียวลง การบริหารลดกรามวิธีนี้ หากมีวินัยโดยทำเป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าของเรากระชับยิ่งขึ้นและเห็นผลแน่นนอนค่ะ  ได้แก่       การอมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่องแล้วสลับกันไปมา, การทำปากจู๋ค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที, การฉีกยิ้มทีละข้างซ้ายทีขวาที โดยพยายามยกมุมปากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และการฉีกยิ้มให้กว้างๆ แล้วพูดคำว่า อา อี อู เอ โอ ยาวๆ

          เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 6 เทคนิค บางวิธีทำแล้วก็เห็นผลได้เลย บางวิธีก็ต้องใช้ความอดทนในการทำนะคะ ยังไงขอเป็นกำลังใจให้สาว ๆ ทุกท่านนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

ที่รัดหน้าเรียว http://www.labstoryofficial.com/

ที่รัดหน้าเรียว Fanpage https://th-th.facebook.com/LabstoryOfficial