วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559
ทรงผมสุดเริ่ด สำหรับสาวรูปหน้าไข่
สาว ๆ ที่มีใบหน้ารูปไข่ คือสาว ๆ ที่มีรูปหน้าเพอร์เฟ็กต์ที่สุดค่ะ เป็นที่น่าอิจฉาของเพื่อนที่มีรูปหน้าแบบอื่นมาก ๆ เลย เพราะไม่ว่าคุณจะทำผมทรงอะไร ก็ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถทำได้ทุกทรง แต่ในบทความนี้เราจะมาดูกันค่ะว่า สำหรับสาวรูปหน้าไข่แล้ว ทรงแบบไหนถึงจะเริ่ดที่สุด
สาวหน้ารูปไข่คือ ผู้ที่มีระยะตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าอยู่ห่างในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน คือระยะห่างจากโคนผมถึงคิ้ว คิ้วถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคางเท่ากัน คราวนี้เราลองมาดูทรงผมที่แนะนำให้ทำสำหรับสาวหน้ารูปไข่กันเลยนะคะ
1. ทรงผมแสกกลางสไลด์ไล่ระดับ เหมาะกับผมยาวประบ่า ซึ่งการสไลด์ผมจะช่วยทำให้ผมดูหนาและมีวอลลุ่ม แต่หากว่าเนื้อผมมีลักษณะลีบแบนก็ควรใช้วิธีม้วนปลายผมช่วยด้วยค่ะ พร้อมกับแสกกลางด้วย จะทำให้สาวหน้ารูปไข่เจิดสุด ๆ ค่ะ
2. ทรงผมสั้นดัดลอน ทรงนี้ถือว่าเป็นทรงที่เก๋กู้ดมาก ๆ แต่แนะนำเฉพาะสาวหน้ารูปไข่เท่านั้น ไม่เช่นนั้นนอกจากจะไม่เกิดยังดับอีกเสียด้วย เริ่มจากการตัดผมสั้นความยาวระดับคางและดัดหยิก เซ็ตผมสักเล็กน้อย (อาจใช้มูส บีบลงบนฝ่ามือ แล้วนำมาขยุ้มที่เส้นผมค่ะ) เพียงเท่านี้ก็เริ่ดสุด ๆ แล้วค่ะ
3. ทรงรวบผมหางม้า ทรงนี้เหมาะกับสาวหน้ารูปไข่มากที่สุด เพราะการรวบผมตึง จะทำให้โชว์กรอบของหน้าอย่างชัดเจน หรือหากอยากให้เก๋ไก๋เพิ่มเติม จากการรวบผมหางม้าธรรมดาก็สามารถรวบขึ้นมาเป็นทรงดังโงะก็ได้ ก็จะได้ลุคใส ๆ น่ารัก ๆ อีกด้วยนะคะ
4. ในหัวข้อเมื่อสักครู่ได้บอกถึงทรงดังโงะไป หรืออีกชื่อคือทรง บัน สาว ๆ อาจจะคิดว่าทำยากหรือเปล่า เรามาแนะนำกันต่อนะคะ เริ่มจากสาว ๆ หาอุปกรณ์ดังนี้ค่ะ ถุงเท้า (ใหม่นะจ้ะ ทริคอีกอย่างคือเลือกถุงเท้าแบบบาง และสีกลืนกับผม), กรรไกร และกิ๊บดำ มาเริ่มทำกันเลยค่ะ
4.1 เริ่มจากตัดปลายถุงเท้าที่เป็นด้านนิ้วเท้าออก จากนั้นมัดผมหางม้าความสูงต่ำนี่ตามชอบเลยค่ะ อยากให้บันอยู่ประมาณไหนก็กำหนดเองเลย
4.2 ม้วนถุงเท้าให้เป็นเหมือนโดนัท นำมารัดผม จากนั้นดึงผมขึ้นตรง ๆ และรูดตัวถุงเท้าให้เป็นแนวเดียวกับเส้นผม เหลือปลายผมไว้นิดหน่อย
4.3 จากนั้นค่อย ๆ ม้วนผมกับถุงเท้าลงมาเรื่อย ๆ จนติดโคนผม ส่วนไหนยังเห็นถุงเท้าอยู่ก็เกลี่ย ๆ ให้สนิท จากนั้นใช้กิ๊บดำช่วยในการยึดให้แน่นยิ่งขึ้น เท่านี้เองก็ได้ทรงดังโงะแล้ว ปังสุด ๆ ค่ะ
อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรกว่า สาวหน้ารูปไข่จะไว้ทรงไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้เริ่ดก็ต้องทรงที่แนะนำไว้ด้านบนนะคะ ลองนำไปพิจารณากันดูค่ะ
ครีมแก้ขาลาย อาหารลดน้ําหนัก ลดพุง
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559
เปลี่ยนสาวหน้ากลมให้เป็นหน้าเรียวด้วยทรงผม
สิ่งหนึ่งที่สาว ๆ ทั่วไปสามารถแก้ไขรูปหน้าของตนเองได้ภายในไม่เกิน 1 ชั่วโมง ก็คือการเปลี่ยนแปลงทรงผม โดยปกปิดจุดด้อย เสริมจุดเด่น ทำให้รูปหน้าที่อาจเคยเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่มั่นใจ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คุณดูโดดเด่นขึ้นมาได้ทันทีเลยทีเดียว ในบทความนี้ก็ขอแนะนำสาวที่มีรูปหน้ากลมกันก่อนนะคะว่าจะไว้ทรงผมไหน ยังไงได้บ้าง เรามาดูกันเลยค่ะ
1. สไลด์ยาวเป็นเลเยอร์ไล่ระดับ ถือได้ว่าเป็นทรงฮิตที่สุดสำหรับสาวที่มีรูปหน้ากลมเลยทีเดียว เวลาเข้าร้านทำผมก็บอกช่างได้เลยค่ะว่า สไลด์ข้าง โดยส่วนที่สั้นที่สุดควรเลยคางลงไปเล็กน้อย เพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น (หากส่วนที่สั้นที่สุดอยู่ระดับเท่าคางหรือสั้นกว่าคาง ก็จะเน้นความกลมมากขึ้นไปอีก) โดยจะแสกกลางหรือแสกข้างก็ได้ค่ะ เวลาออกไปข้างนอกก็ใช้ไดร์หรือเครื่องหนีบผม จัดการให้เป็นทรงตรง ๆ แต่หากอยากให้ดูมีวอลลุ่มหน่อยก็ม้วนเข้าก็เก๋ค่ะ
แต่หากทำทรงแรกจนเบื่อแล้ว ลองเปลี่ยนมาดูทรงอื่นบ้างค่ะ
2. ตัดทรง Lob ปิดแก้ม ก็คือทรงบ๊อบยาวประบ่าหรือ Lob ก็เป็นอีกทรงที่ช่วยให้หน้าดูยาวขึ้น แต่ถ้าอยากให้หน้าดูเรียวขึ้น ลองแสกข้าง แล้วสไลด์ผมด้านหน้าให้ปิดแก้มสักนิด หรือหากอยากตัดผมม้าปัดข้าง ควรให้ยาวเลยคิ้วไปจนถึงระดับใบหู เพราะหากสั้นเหนือคิ้วจะเน้นให้หน้ายิ่งดูกลมขึ้นค่ะ ควรหลีกเลี่ยงนะคะ
แต่ถ้าอยากตัดหน้าม้าบ้างล่ะ ทำได้ไหม มาดูทรงนี้กันค่ะ
3. ตัดสั้นและมีหน้าม้า ทรงผมสั้นถือได้ว่าเป็นทรงอันตรายสำหรับสาวหน้ากลม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัดไม่ได้เลย สามารถตัดได้ค่ะโดยสไลด์ผมด้านหน้าให้เป็นสามเหลี่ยมปลายแหลม ความยาวอยู่ระดับคางหรือยาวกว่านั้น เพื่อเป็นกรอบหน้าทำให้หน้าดูเรียวขึ้น ส่วนผมหน้าม้าตัดให้เลยคิ้วมาสักหน่อย เพียงเท่านี้ก็สวยปังแน่นอนค่ะ
4. ไว้ผมหน้าม้าซีทรู ทรงนี้ถือได้ว่าเป็นทรงที่ฮิตสุด ๆ ในเกาหลี ซึ่งสาวๆ ตัดตามกันทั่วเอเชียกันเลยทีเดียว เพราะเมื่อตัดแล้วทำให้บุคลลิกดูเป็นแบบนุ่ม ๆ ใสๆ ไม่ดูเป็นม้าเต่อเกินไป และยังมีข้อดีคือถ้าวันไหนเบื่อจะเปลี่ยนเป็นแสกข้างก็ได้ มันจะกลมกลืนไปกับผมเหมือนกับทรงสไลด์ผมปกติ
5. แสกกลางหรือแสกข้างกับผมเคลียแก้ม ถือได้ว่าเป็นทรงที่ง่ายที่สุด ก็คือ การไว้ผมเคลียแก้มนิดๆ ไม่ว่าจะแสกข้างไหน หรือไว้ผมยาวตรง ผมดัด (ลอนใหญ่ ๆ) ก็ช่วยให้หน้าเรียวกว่าเดิมได้ทั้งนั้นค่ะ
ถูกใจแบบไหน เดินเข้าร้านทำผมได้เลยค่ะ แต่ไม่ว่าจะตัดผมทรงไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือความมั่นใจ เจออะไรก็ยิ้มเข้าไว้ เมื่อผนวกกับทรงผมเก๋ ๆ เพียงเท่านี้ก็ผ่านฉลุยค่ะ
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559
5 สัญญาณ บ่งชี้ ว่าคุณเสพติดศัลยกรรม
ในยุคปัจจุบันนี้ถือได้ว่าการทำศัลยกรรมเกี่ยวกับใบหน้าต่าง ๆ นั้นมีวิธีการให้เราเลือกอยู่มากมาย ทั้งการผ่าตัดใหญ่ ๆ เกี่ยวกับกระดูกในส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า หรือการฉีดโบท็อก เมโสแฟ็ต การทำอัลเธอร์ร่า และอีกมากมาย แต่คุณ ๆ ทราบหรือไม่ว่าหากเราทำบ่อยครั้งหรือมากเกินไป อาจทำให้เราเกิดอาการที่เรียกว่าเสพติดการทำศัลยกรรมได้ เราลองมาเช็คตัวเองกันดูนะคะว่าเราอยู่ข่ายนี้หรือเปล่า
1. มักไม่พอใจรูปหน้าของตนเองเวลาอยู่หน้ากระจก ประมาณว่าส่องกระจกเมื่อไหร่ ก็สามารถหาข้อบกพร่องของตัวเองได้ตลอด แม้คนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งคุณหมอเองจะบอกว่าสวยหรือว่าดี หรือว่าเหมาะสมกับตัวแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่พอใจ ยังมีความต้องการจะทำศัลยกรรมอยู่
2. มีความรู้สึกว่ายิ่งทำศัลยกรรม ตัวเองยิ่งดูดี ก็คือยังไม่พอใจรูปหน้าของตนเองอยู่ และคิดว่าหากทำศัลยกรรมก็จะทำให้สวยหล่อขึ้นไปกว่าเดิมได้อีกเรื่อย ๆ ซึ่งความคิดแบบนี้จะทำให้เราติดการทำศัลยกรรมแบบไม่รู้ตัว
3. รู้สึกชอบเวลาโดนคุณหมอทายาชา หรือจิ้มเข็มบนใบหน้า เมื่อคุณหมอทายาชาหรือจิ้มเข็มเพื่อฉีดโน่นนี่ให้คุณเมื่อไหร่ แล้วคุณมีความรู้สึกพอใจ เพราะคิดว่าเราจะต้องสวยขึ้นอีกแน่นอน นั่นก็เป็นการเตือนคุณระดับหนึ่งแล้วนะคะว่าเริ่มเสพติดศัลยกรรมเข้าให้แล้ว
4. รู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงใบหน้าตนเองอยู่เรื่อย ๆ เช่นจมูกไปทำมาแล้ว และก็สวยดีแล้ว แต่คุณก็ยังมีความรู้สึกว่าอยากจะทำอีก ต้องแก้ไขรูปจมูกเพราะยังไม่สวยพอ หรือว่าทำจุดอื่น ๆ มาแล้วก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ดี ควรจะแก้ไขใหม่ หรือทำจุดอื่นเพิ่มเติมเข้าไปอีก เป็นต้น
5. มีความรู้สึกว่าเราสามารถจัดการกับหน้าตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งหมอ ข้อนี้ถือว่าเป็นข้อบ่งชี้สำคัญมาก ๆ ว่าคุณเสพติดการทำศัลยกรรมเข้าแล้ว เพราะเมื่อมาถึงข้อนี้นั้นแสดงว่าคุณได้ทำศัลยกรรมทั้งผ่าตัด ฉีดโน่นนี่จนหมอไม่รับที่จะทำให้อีกต่อไปแล้ว หรือคุณเองอาจมองว่า ทำเองก็ได้จะได้ไม่ต้องไปพบหมอบ่อย ๆ ทั้งยังประหยัดเงินได้อีกด้วย ซึ่งคุณคงอาจกำลังลืมมองไปว่า การทำศัลยกรรม
ประเภทฉีดโน่นนี่นั้นต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ความรู้ทั้งจากทฤษฎีและการปฏิบัติมานับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงมิใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะกระทำด้วยตนเอง เพราะหากเกิดผิดพลาด หรือพลาดพลั้งอะไรไป ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะต้องเสียใจ และอาจจะแก้ไขได้ยากหรืออาจไม่ได้เลยก็เป็นได้
จากข้อบ่งชี้ด้านบนคงพอเป็นตัวชี้ให้คุณ ๆ ได้สำรวจตัวเองได้บ้างนะคะ ว่าเราเข้าขั้นเสพติดกับการทำศัลยกรรมหรือยัง ทุกสิ่งทุกอย่างมักมี 2 ด้านเสมอ ฉะนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบและทำแต่เหมาะสมนะคะ
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559
ยกกระชับหน้าด้วยวิธี ACCULIFT
จากบทความที่ผ่านตากันมามากมายในเว็ปนี้ ทุก ๆ ท่านก็คงจะพอจะเห็นถึงวิธีการหรือกรรมวิธีซึ่งมีอยู่มากมาย ในอันที่จะทำให้คุณมีใบหน้าที่เรียวสวย ซึ่งถ้าเป็นเทรนด์ตอนนี้ก็ต้องเรียกได้ว่า เรียวสวยแบบสาวเกาหลีนะคะ ในคราวนี้ก็มีวิธีการยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยด้วยวิธีการที่เรียกว่า Acculift มาแนะนำกัน วิธีนี้เป็นอย่างไร ทำแบบไหน มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร วันนี้มาบอกค่ะ
หากคุณมีปัญหาผิวใบหน้า คาง คอที่หย่อนคล้อย เนื่องจากวัยที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าที่เคยเรียวสวย ก็เริ่มจะไม่เรียวแล้ว หรือมีเนื้อบริเวณแก้มเยอะ สามารถจะใช้วิธี Acculift ได้ค่ะ วิธีนี้เป็นการยิงเลเซอร์ ที่มีความยาวถึง 1,444 นาโนเมตร ซึ่งจะเข้าไปสลายไขมันโดยจุดที่เราเฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ ทำให้ลดความเสี่ยงที่อาจไปทำความเสียหายต่อเซลล์อื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้ดี อีกทั้งสายไฟเบอร์ที่จะสอดเข้าไปใต้ผิวหนังนั้นมีขนาดเล็กมาก ๆ ๆ ๆ (น้อยกว่า 1 มิลลิเมตร)
โดยเลเซอร์จะถูกปล่อยผ่านสายไฟเบอร์เข้าไปสลายเซลล์ไขมัน ซึ่งเซลล์ไขมันก็จะถูกหลอมละลายแตกตัวให้เล็กลง จากนั้นแพทย์ก็จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กเป็นพิเศษ เข้าไปดูดเซลล์ไขมันนั้นออกมา วิธีนี้ทำให้ผู้ทำการรักษาไม่ต้องเสียเลือดมากอีกด้วย นอกจากนี้เลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานความร้อนนั้น ยังไปช่วยกระตุ้นชั้นผิวหนังให้ทำการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทน ดังนั้นก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นตึงและกระชับมากขึ้น
ข้อดีของ Acculift
1. วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ปัญหาการหย่อนคล้อยของผิวหนังน้อยจนถึงปานกลาง ในวัยระหว่าง 30-60 ปี
2. ขณะทำไม่ต้องใช้ยาสลบ และหลังการทำไม่ต้องนอนพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้ทันที
3. หากเป็นการทำเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน สามารถเห็นผลได้ทันที แต่หากเป็นการทำเพื่อยกกระชับใบหน้า จะเห็นผลหลังการทำประมาณ 2 เดือน
4. วิธี Acculift นี้ หลังการทำ สามารถอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองด้วยเช่นกัน
5. ผิวหน้าถูกกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และตึงกระชับได้
6. ใช้เวลาในการทำการรักษาน้อย เพียง 30-60 นาทีเท่านั้น
ของทุกอย่างย่อมมี 2 ด้านนะคะ เมื่อดูข้อดีไปแล้ว คราวนี้มาดูข้อเสียบ้าง
ข้อเสียของ Acculift
1. ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับบางวิธีในการยกกระชับหน้า โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณแสนกว่าบาท (หากสนใจลองสอบถามทางคลินิกดูอีกครั้ง)
2. หากคลินิกไม่ได้ให้ความใส่ใจในเรื่องความสะอาด อาจมีโอกาสติดเชื้อจากเข็มที่ใช้ได้
3. ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาให้ดีนะคะ
แหล่งข้อมูล
ลดพุง http://lodpoong.com/
อาหารลดน้ําหนัก http://www.cho12office.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)